วิธีการใช้ฤกษ์
ดวงชาตาที่ผูกออกมาให้ตามระบบโหราศาสตร์ และดวงฤกษ์ที่ให้ไป (PDF File)
สามารถที่จะพิมพ์ออกมาใช้ได้หลายๆใบ
สำหรับเอาไว้บูชาฤกษ์และดวงชาตาของตัวเอง หรือเอาไปให้โหรทำนายดวงชาตา
หรือให้พระท่านสวดแผ่นดวงชาตาเสริมศิริมงคลได้ หรือ
เอาไปจารใส่แผ่นทองแดงนากเงิน
เพื่อบรรจุใต้ฐานพระประธานเพื่อเสริมชาตาได้นะครับ ส่วนการยกเสาเอก
การวางศิลาฤกษ์ การตั้งศาลให้นำดวงฤกษ์ที่ให้มานี้จารลงไปในแผ่นทองแดง
แล้วบรรจุลงไปพร้อมกันด้วยนะครับ
การใช้ฤกษ์
การให้ฤกษ์โดยระบบโหราศาสตร์ภารตะหรือโหราศาสตร์แบบโหรพรามณ์
ซึ่งเป็นระบบเดียวกันกับโหราศาสตร์ไทยชั้นสูงที่ใช้กันในบุคคลชั้นสูงและการ
กำหนดพิธีกรรมในพระราชพิธีต่างของกษัตริย์ในสมัยโบราณ
มีการคำนวนโดยวิธีการสลับซับซ้อนทางดาราศาสตร์และหลักการทางโหรซึ่งต่างกับ
โหราศาสตร์ระบบอื่นๆ
และกำหนดเป็นฤกษ์ยามเฉพาะตัวบุคคลนั้นๆในการทำการต่างๆ
เพื่อให้เกิดประโยชน์เพียงเจ้าของฤกษ์คนเดียวเท่านั้น
ผู้อื่นจะนำไปใช้ก็จะไม่เกิดผลดีตามฤกษ์ที่กำหนดไว้
บางคนชอบโทรมาถามว่าวันนี้เป็นวันดีไหม
ผมตอบไม่ได้หรอกครับเพราะฤกษ์มีทั้งฤกษ์บนฤกษ์ล่าง
ฤกษ์บนก็คือวันที่ดวงดาวบนท้องฟ้าให้พลังที่เป็นศุภผล เป็นวันดีก็จริง
แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถใช้ได้ทุกคน
หรือวันนี้เป็นวันดีฤกษ์ดีแต่จะดีตลอดทั้งวันก็หาไม่
และหากไปคำนวนดูชาตากำเนิดของเรา(ฤกษ์ล่าง)
ก็อาจจะขัดแย้งกับฤกษ์บน(ท้องฟ้า) ก็ทำการมงคลในวันนั้นไม่ได้อีก
ที่พูดวันว่าวันนี้วันดีก็มิใช่ว่าจะดีเสมอไป
เพราะฉะนั้นเข้าใจไว้ว่าวันดีมีทุกวัน
แต่ฤกษ์ที่ดีเหมาะกับเรานั้นอาจจะทั้งปีมีแค่วันเดียว
ส่วนวันร้ายก็มีทุกวันเหมือนกัน แต่จะร้ายกับเราทุกวันก็ไม่ใช่
ฉะนั้นฤกษ์ยามก็คือการคำนวนพลังความสัมพันธ์ระหว่างดาวบนท้องฟ้ากับมนุษย์
ที่อยู่บนดินให้สัมพันธ์กันนั่นเอง
- เมื่อได้ฤกษ์ยามได้กำหนดไว้แล้วให้เตรียมการล่วงหน้าแต่เนิ่นๆเพื่อจะได้ไม่ให้ผิดพลาด เพราะหัวใจของฤกษ์ยามก็คือ”เวลา” ที่เป็นศุภผล
- ใน การให้ฤกษ์ผมจะคำนวนเวลาที่เหมาะสมกับดวงชาตาของท่านที่ดี่ที่สุด เพียงฤกษ์เดียวเท่านั้น บางคนพยายามขอหลายๆวันเผื่อเลือก ซึ่งฤกษ์ที่ให้แต่ละฤกษ์คำนวนด้วยความยากลำบากมาก เพราะผมคำนวนด้วยมือ ดวชาตาแต่ละดวงชาตา อย่างน้อยก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง และสอบทานฤกษ์ในกฏเกณฑ์อื่นๆอีกเป็นวันๆ (ไม่ใช่ฤกษ์ประเภทเปิดหนังสือดูปฎิทินแล้วให้ฤกษ์อย่างที่เราคุ้ยเคยกัน ซึ่ง 5 นาทีก็ให้ฤกษ์กันได้แล้ว)
- อย่างไรก็ตามการใช้ฤกษ์ชั้นสูงนี้มักจะมีเหตุที่ทำให้เจ้าการมักจะใช้ไม่ได้ ตามเวลาที่กำหนดอยู่บ่อยครั้งอันเนื่องมาจาก ดวงฤกษ์ที่สูงเกินวาสนาของเจ้าการ(เจ้าของดวง) หรือเจ้าของดวงมีเหตุที่ถูกอุปสรรคขัดขวางจากเจ้ากรรมนายเวร หรือวิบากกรรมอื่นๆ ที่จะไม่ไห้ได้ผลสำเร็จตามฤกษ์นั้นๆ เช่นว่า จะต้องออกรถในวันนี้ตามฤกษ์ แต่บังเอิญรถยังไม่เรียบร้อย ก็ออกรถในวันนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องระวัง
- การใช้เวลาตามฤกษ์ ควรจะต้องคำนวนเวลาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่นที่เป็น มาตรฐานสำหรับสถานที่นั้นๆ หรืออย่างน้อยนาฬิกาจะต้องตรง โดยเทียบจากเวลามาตรฐานของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ โดยโทรไปที่หมายเลข 181
- เวลา จากดวงฤกษ์ที่ให้เป็นการคำนวนเวลาเริ่มต้นของฤกษ์ และจะสิ้นสุดฤกษ์ เช่นฤกษ์ที่กำหนดเป็นเวลา 09.11 น. -09.29 น. หมายความว่าหัวใจในการทำกิจกรรมนั้นๆจะต้องเริ่มต้นในเวลา 09.11 น.จนถึง 09.29 น. (ปกติผมจะให้เวลาเริ่มต้นและเวลาสุดฤกษ์เอาไว้ให้) เช่นการลงเสาเอก จะต้องกระทำการยกเสาลงหลุมให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด หรือการลาสิกขาบท ต้องให้การสวดบทขอลาสิกขาเริ่มต้นภายในเวลานี้ หรือการเอาผ้าสังฆาฏิออกจากตัว(แล้วแต่กรณี) ส่วนการตั้งศาลก็ให้ถือเอาเวลาที่อัญเชิญเจว็ดเข้าประทับในศาลหรือการตอกไม้ มงคลวางรากฐานเพื่อยกเสาของศาล(แล้วแต่กรณี) ส่วนกิจกรรมอื่นๆให้เทียบเคียงเอาตามนี้
- ส่วนหากกิจกรรมนั้นๆต้อง ใช้ระยะเวลามากกว่านี้ก็จะต้องให้มีการทำ กิจกรรมต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอนหรือหยุดไปกลางคัน ก็ยังถือเวลาอยู่ในเวลาของฤกษ์ได้
- แผ่นดวงฤกษ์พิมพ์ออกมาจากไฟล์ ที่ผมให้มา เมื่อใช้เสร็จแล้ว ให้ใส่กรอบหรือไว้ที่หิ้งพระเอาไว้บูชาถือว่าได้บูชาเสริมดวงชาตาและดวงฤกษ์ ของเราให้เกิดผลดีตลอดไป หากไม่สามารถทำได้ให้ทำการเผาด้วยไฟเท่านั้น ห้ามนำไปทิ้งในถังขยะ
- การใช้ฤกษ์ให้เกิดผลดีและเกิดศุภผลตามที่ ท่านต้องการ อย่างน้อยที่สุดท่านจะต้องสมาทานศีล 5 รักษากายวาจาใจให้บริสุทธิ์ และในขณะที่กระทำการตามฤกษ์นั้นๆ จิตใจจะต้องแน่วแน่มั่นคงไม่หวั่นไหว ห้ามมีอารมณ์โกรธเคือง โมโห หรือมีเจตนาจะไปประทุษร้ายต่อใคร จิตใจต้องไม่วอกแวก สับสน วิตกกังวล ฯลฯ เมื่อทำได้ครบตามที่กล่าวแล้วดวงฤกษ์ก็จะมีอิทธิพลังเป็นศุภผลส่งผลเกิดผลดี ให้แก่ดวงชาตา และเกิดความเจริญรุ่งเรืองสืบไป
- บางคนมักชอบว่า มาขอฤกษ์กับผมต้องรอนานมากๆกว่าจะได้ บางคนเป็นเดือน บางคน สามเดือน บางคนรอมาหลายเดือนก็ไม่มีฤกษ์จะให้ ต้องขอชี้แจงอย่างนี้ว่า โหราศาสตร์ระบบนี้ไม่เหมือนระบบอื่น โหรผู้ให้ฤกษ์ ต้องต้องดูฤกษ์สำหรับการให้ฤกษ์ก่อนเหมือนกัน ไม่สามารถทำแบบสุกเอาเผากินไม่ได้ โหรผู้คำนวนฤกษ์ก็ต้องตรวจดวงดาวบนท้องฟ้าก่อนว่าวันไหนเหมาะแก่การคำนวน ฤกษ์ วันไหนห้ามคำนวนฤกษ์ เช่น วันสิ้นปี สิ้นเดือน สิ้นปีนักษัตร วันพระจันทร์ดับ พระจันเทร์เต็มดวง วันโกน วันพระ วันดาวดับบนฟ้า วันที่ดาวพุธโคจรวิกลคตพักรองศา(อันนี้อาจต้องรอเป็นเดือน) วันที่มีคราส (ภายในหน้าหลัง 7 -14 วัน) ก็คำนวนฤกษ์ไม่ได้ เมื่อได้วันแล้วก็ต้องอาบน้ำชำระร่างกาย จุดธูปเทียนบูชาพระ พ่อแม่ครูอาจารย์ ตั้งจิตให้เป็นสมาธิ ก่อนทำการคำนวนดวงฤกษ์ทุกครั้งไป ฉะนั้นฤกษ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ต้องดูชาตาและวาสนาของเจ้าชาตาก่อนด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น