วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วิชาฤกษ์นั้นเป็นวิชาที่ว่าด้วย กาลและเวลาที่เหมาะสม


วิชาฤกษ์นั้นเป็นวิชาที่ว่าด้วย กาลและเวลาที่เหมาะสม 



วิชาฤกษ์นั้นเป็นวิชาที่ว่าด้วย กาลและเวลาที่เหมาะสมสำหรับกระทำการอย่างใดอย่างที่ที่เราสามารถจะหวังผลตาม ที่เราปรารถนาได้ โดยใช้กฏเกณฑ์ของวิชาโหราศาสตร์ที่ตกทอดสืบต่อมานับพันๆปี มาแล้วและยังใช้ได้ผลดีเยี่ยมแม้ในปัจจุบัน

แต่ปัจจุบันคนทั่วไปมักเข้าใจผิดคิดเอาเองว่า วันนี้ดีวันนั้นดี เช่นว่า วันที่ 9 เป็นวันดี วันพฤหัสบดีเป็นวันดี หรือเวลา เช่น 09.09 นาทีเป็นฤกษ์ยามงามดีเป็นต้น ซึ่งผิดกับหลักการของฤกษ์ยามกันไปมากมายมายอย่างยิ่ง และวันดังกล่าวที่เคยเชื่อหรือยึดถือนั้น ไม่ได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวิชาโหราศาสตร์แต่อย่างใด และก็ไม่สามารถเชื่อถือหรือรับประกันได้ว่าวันนั้นวันนี้จะดีไปได้ตามที่เรา ปรารถนา หรือความเชื่อแบบหมดดูชาวบ้าน เช่นบอกว่าเกิดวันอังคารแล้วจะต้องทำการมงคลวันศุกร์เท่านั้นเพราะเป็นคู่ มิตรกัน นี่ก้ไม่ใช่ฤกษ์อีกเช่นกัน หรือใช้ฤกษ์ระบบอื่นมาปนเปกัน เช่น ปีนี้เป็นปีชง ห้ามคนเกิดลัคนาราศีเมษแต่งงาน นี่ก็ไม่ใช่ฤกษ์ หรือวันนี้เป็นวันดีเป็นวันอธิบดี วันธงชัย สามารถทำการมงคลได้ทุกชนิด นี่ก็ไม่ใช่ฤกษ์อีกเช่นกัน

ส่วน อีกอย่างหนึ่ง บางคนก็เชื่อถือฤกษ์ยามกันเหมือนกัน แต่ก็กลับไปยึดเอาเฉพาะฤกษ์บน หรือฤกษ์งามยามดีของปฎิทินทั่วไปๆ ระบุว่าวันนี้ดีเป็นมงคล วันนี้เป็นวันอธิบดี วันธงชัย ฯลฯ แล้วก็ยึดถือเอาตามนั้น และเริ่มประกอบกิจการไปตามฤกษ์นั้นๆตาปฎิทิน ซึ่งก็ไม่ถูกต้องอีกเช่นกัน
ฤกษ์จริงๆนั้นก็คือการนำฤกษ์บน ตามที่เราเห็นในปฎิทินนั่นแหละว่าวันนี้เป็นฤกษ์ดี เป็นมงคล แล้วนำผมผสมผสานกับดวงชาตาของเรา (ฤกษ์ล่าง) ว่าเข้ากันได้ไหม ตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่งก็ไม่แน่ว่า ฤกษ์ดีตามปฎิทินที่ว่าดีนั้นแต่เมื่อเอาดวงชาตาเราไปผสมแล้วกลับกลายปรากฏ ว่าเป็นฤกษ์ร้ายสำหรับเราก็เป็นไปได้บ่อยๆ เห็นกันได้แบบชาชินกันทั่วๆไป

ส่วนฤกษ์ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกก็คือ ดวงฤกษ์ที่เราต้องการนั้นเราจะเอาไปทำอะไร เช่นว่า แต่งงาน ออกรถ ขึ้นบ้านใหม่ ลาสิกขาบท ฯลฯ ซึ่งก็ได้มีกฏเกณฑ์เฉพาะเป็นเรื่องๆไป จำอาแบบสุกเอาเผากินไม่ได้เลยเป็นอันขาด โดยเฉพาะเรื่องฤกษ์นี่ ถือว่าให้คุณให้โทษกันได้แบบเห็นจะจะมีการวัดผลกันมานานถึง 6000ปีมาแล้ว (เฉพาะของโหราศาสต์ภารตะ)

ตัวโหราผู้ให้ฤกษ์เองก็มีตัวบทกฏเกณฑ์และหลักครู ท่านกำหนดให้มาอยู่แล้ว ว่าต้องใช้กฏเกณฑ์แบบไหน ในเรื่องอะไร และหากกระทำการให้ฤกษ์โดยเจตนาร้ายแก่ผู้อื่น ก็ต้องโดนครูอาจารย์ท่านสาปแช่นกันแบบไม่ได้ผุดได้เกิดกันเลยทีเดียว

ฉะนั้นเรี่องฤกษ์ยามโหรทั้งหลายจึงได้กลัวกันนักกันหนา บางคนเรียนโหรามานานนับสิบๆปีแต่ไม่กล้าให้ฤกษ์ยาม ก็เพราะกลัวว่าถ้าหากผิดพลาดผลั้งเผลอไปก็จะเป็นโทษแก่ตนเอง ไม่เหมือนการพยากรณ์ดวงชาตาหากผิดพลาดผลั้งเผลอก็ยังจะพอทำเนา ฉะนั้นผู้ให้ฤกษ์จะต้องมีคุณธรรมเป็นหลักใหญ่ จะเห็นแก่อามิสสินจ้างใดใดไม่ได้เลย และผู้ที่ให้ฤกษ์ยามได้ก็ต้องศึกษาวิชาโหราศาสตร์มาไม่น้อยกว่า 10 ปีจึงพอที่ให้ฤกษ์ให้ยามกันได้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น